ชวนลงชื่อ สิทธิการลา เพื่อดูแลในวาระสุดท้าย สิทธิที่ลูกจ้างควรได้รับเพื่อดูแลคนใกล้ชิดก่อนจากลา
การที่คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดป่วยหนักจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อีกไม่นาน นอกจากสร้างความทุกข์ทรมานใจให้กับผู้ป่วยแล้ว ผู้ดูแลที่เป็นคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น สามี ภรรยา ลูกหลาน ญาติ หรือแม้แต่คนใกล้ชิด ก็มีความเศร้าเสียใจไม่ต่างกัน การใช้ “สิทธิการลาเพื่อดูแลในวาระสุดท้าย” จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ต่างจากการลาคลอดหรือลาป่วย เพื่อให้ลูกจ้างได้ทำหน้าที่สุดท้ายที่สำคัญก่อนคนรักของเขาจะจากลาเครือข่ายผู้สนับสนุนการดูแลแบบประคับประคอง เห็นความสำคัญของสิทธิลาเพื่อดูแลในวาระสุดท้าย สิทธิดังกล่าวจะช่วย “เติมกำลังคนดูแลในครอบครัว” ในช่วงเวลาวิกฤตการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และเป็นปัจจัยลดความเสี่ยงภาวะความโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งสำคัญ เครือข่ายฯ จึงรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้คณะกรรมการการประกันสังคม พิจารณาให้สิทธิ เพื่อดูแลในวาระสุดท้ายแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ทั้งเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่จะได้รับการดูแลที่ดี และคุ้มครองความเป็นมนุษย์ของคนทำงาน เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ดูแลครอบครัวและดูแลตัวเองในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต
เพื่อสะท้อนเสียงความต้องการของผู้ประกันตน ผู้ป่วย และผู้ดูแลในครอบครัว เครือข่ายฯ จึงเปิดโอกาสให้ทุกคน ทั้งที่เป็นผู้ประกันตน นายจ้าง และประชาชนทั่วไป ร่วมลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องสิทธิ “ลาเพื่อดูแลในวาระสุดท้าย” เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ให้ได้จากไปอย่างสงบและสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เพราะการที่บุคคลใกล้ชิดสามารถ “อยู่” กับผู้ป่วยในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่เพียงเป็นการดูแลทางกายเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าในมิติทางจิตใจ สังคม และวัฒนธรรม อันได้แก่
- การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วย ครอบครัว และบุคลากรทางการแพทย์
- การได้บอกรัก กล่าวคำอำลาและอโหสิกรรม
- การเผชิญหน้าและร่วมกันเยียวยาความเศร้าโศกของครอบครัว
- การเตรียมการพิธีกรรมทางศาสนาหรือตามประเพณีอย่างเหมาะสม
- ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจึงควรเป็นช่วงเวลาแห่งความรัก ความเข้าใจ และการส่งผ่านความผูกพันอย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้จากไปอย่างสงบ และผู้ที่อยู่ข้างหลังสามารถฟื้นคืนจากความสูญเสียและกลับไป
- ดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาวะ
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีสิทธิลาเฉพาะเพื่อดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ลูกจ้างจำนวนมากจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิลากิจหรือลาพักร้อนซึ่งมีจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีกรณีที่ลูกจ้างต้องเสียโอกาสในการดูใจหรือกล่าวลาผู้เป็นที่รัก เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ลา หรือเกรงว่าจะกระทบต่อความมั่นคงในการทำงาน เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล เครือข่ายฯ จึงเสนอข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการการแพทย์ กองทุนประกันสังคม พิจารณาให้มีสิทธิลางานสำหรับดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้ขอให้คณะกรรมการประกันสังคม พิจารณารับรองสิทธิลางานเพื่อดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกจ้าง โดยสามารถลาได้ 30–60 วันต่อปี พร้อมได้รับเงินชดเชยในอัตราเต็มจำนวน เช่นเดียวกับสิทธิลาป่วยหรือลาคลอด ทั้งนี้ โดยไม่กระทบต่อสถานการณ์จ้างงานของลูกจ้างเพราะ “สิทธิลาเพื่อดูแลด้วยหัวใจในวาระสุดท้าย” คือ สิทธิที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับ เพื่อให้การจากลาเป็นไปอย่างสงบ และเปิดโอกาสให้ความรักได้ทำหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต eslblogcafe